Category: รถยนต์

เมื่อแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ใช้การไม่ได้อาจมีหลายๆ คนที่อาจเลือกเปลี่ยนเป็นลูกใหม่ไปเลย แต่ก็มีบางคนที่อยากจะประหยัดเงิน ยังไม่อยากซื้อใหม่ก็สามารถนำซ่อมแซม นำมาล้างโดยใช้สูตรเฉพาะก็สามารถนำแบตเตอรี่รถยนต์กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
การล้างแบตเตอรี่รถยนต์ที่ว่ามานี้ไม่ใช่การที่เราเอาแบตเตอรี่ไปจุ่มน้ำหรือว่าเอาแปรงมาขัดทำความสะอาด แต่เป็นอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้นซึ่งต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนทำ บางแห่งเรียกว่า การทำสาว ซึ่งอันดับแรกเราต้องตรวจสอบก่อนว่าแบตเตอรี่นั้นๆ ไม่เสียหายมากจนเกินเยียวยา แผ่นธาตุไม่หลุด เขย่าแล้วไม่มีเสียงก๊อกแก๊ก โดยแรงดันต้องไม่ต่ำกว่า 5 v หาที่โล่งๆ อากาศถ่ายเทได้สะดวก และที่สำคัญต้องมีผ้าปิดปากปิดจมูก แล้วเปิดฝาเทน้ำกรดออกใส่ภาชนะ จากนั้นเทน้ำร้อนใส่ทุกช่องจนท่วมแผ่นธาตุ ปิดฝาให้สนิทแล้วเขย่าแรงๆ เปิดฝาแล้วเทน้ำใส่อีกภาชนะหนึ่ง ในขั้นตอนนี้เราจะเห็นได้ว่ามีสิ่งสกปรกอยู่มาก ขั้นตอนต่อมาให้เติมน้ำร้อนอีกครั้งแล้วจากนั้นให้ใส่น้ำยาล้างห้องน้ำ 1 ฝาต่อ 1 ช่อง ปิดฝาแล้วเขย่าอีกครั้ง ในขั้นตอนนี้สำหรับบางคนอาจแช่ทิ้งไว้ 45 นาที หรือบางคนอาจทำซ้ำ 2 – 3 รอบ เมื่อเททิ้งให้เขย่าไปด้วย การใช้น้ำยาล้างห้องน้ำจะมีกลิ่นที่ฉุนมากอยู่พอสมควร แล้วนำน้ำร้อนใส่อีกครั้งปิดฝาเขย่า ทำซ้ำจนกว่าจะสะอาด สุดท้ายเติมน้ำกรดจากขั้นตอนแรกที่ตกตะกอนแล้วมาใส่แล้วเททิ้ง บางคนอาจจะปล่อยแบตเตอรี่ไว้ 7 วันค่อยนำน้ำกรดใหม่ เท่านี้ก็สามารถยืดอายุการใช้งานไปได้ 3 – 6 เดือนแล้ว
ถึงอย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจในการใช้รถยนต์ เราควรจะซื้อลูกใหม่ไปเลยก็ยิ่งดี เพราะอาจจะกลายเป็น เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย

อุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นกับรถยนต์บนท้องถนนนั้น เราไม่สามารถระบุช่วงเวลาที่จะขึ้นได้ เราไม่มีทางรู้เลยว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ หรืออย่างไร ดีไม่ดีวันใดวันหนึ่ง อาจเกิดขึ้นกับตัวเรา โดยที่เราไม่ได้ทันตั้งตัว และฝ่ายผิดก็ใช่เรา แต่หลักฐานไม่มีเจอคนหัวหมดหน่อยเราก็แพ้เขาอย่างเดียว

อาจมีคนบางประเภทที่จงใจเดินให้รถชนเพื่อเรียกร้องเอาเงินค่ารักษา ถ้าหากไม่กล้องติดรถยนต์แล้วล่ะก็ เราคงจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน ดังนั้นผู้คนจึงหันมาใช้กล้องติดรถยนต์กันเป็นจำนวนมาก แต่ปัญหาที่คนส่วนใหญ่เป็นก็คือ ไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์ยี่ห้อไหน ไม่รู้ว่าต้องเลือกกล้องแบบไหน การเลือกกล้องติดรถยนต์อันดับแรกที่เราจะต้องดูเลยก็คือ คุณภาพและความคมชัดของเลนส์ เพราะถ้าหากเลือกที่ความคมชัดต่ำ ภาพที่ได้ก็แทบจะมองอะไรไม่เห็นเลยทำให้เสียเปล่าในการใช้งาน ต่อมาแล้วควรเลือกมุมมองของกล้อง โดยมุมมองที่เราต้องเลือกนั้นต้องมีความเหมาะสมกับช่วงหน้ารถของเรา อีกทั้งต้องสามารถมองเห็นกลางคืนได้ในระดับหนึ่ง รวมไปถึงความสว่างในตอนกลางวันก็ต้องพอดีไม่จ้าจนเกินไป และเราอาจเลือกกล้องที่มีฟังก์เพิ่มเติมอย่างเช่น ถ่ายภาพนิ่ง ป้องกันไฟล์ เป็นต้น
หากเราจะเลือกซื้อกล้องราคาถูก อย่าได้เชื่อสิ่งที่เขียนอยู่ข้างกล่องเป็นอันขาด เพราะของพวกนี้มักจะมีการย้อมแมวขาย อย่างเช่นเขียนว่ามีความคมชัดถึง 1080p แต่พอใช้งานจริงๆ ก็ไม่ได้ตรงตามนั้น มีความคมชัดแค่เพียง 360p ดังนั้นให้เลือกราคาที่เหมาะสมและมียี่ห้อจะดีเสียกว่า