ทำความรู้จักกับประเภทของไฟฉุกเฉิน

ไฟฉุกเฉิน

ประเภทของไฟฉุกเฉินมีสองประเภทหลักคือ ต้องมีการบำรุงรักษากับประเภทที่ปล่อยทิ้งไว้ได้เลย

ไฟฉุกเฉินที่มีการบำรุงรักษาจะยังคงสว่างอยู่ตลอดเวลาและอยู่ในสภาพแสงฉุกเฉินอย่างน้อย 3 ชั่วโมงหลังจากไฟดับ ไฟฉุกเฉินสำหรับใช้ในสถานที่ชุมนุมเช่นโรงภาพยนตร์, สถานบันเทิงและศูนย์การค้าและสถานที่ใกล้เคียง

ไฟฉุกเฉินที่ไม่ต้องบำรุงรักษาจะสว่างขึ้นเฉพาะในกรณีที่ไฟฟ้าดับและยังคงติดไฟตามระยะเวลาฉุกเฉินขั้นต่ำที่ต้องการ ไฟฉุกเฉินที่ไม่ต้องบำรุงรักษาพบได้ในสำนักงานร้านค้าและโรงงาน

ไฟฉุกเฉินในโรงเรียนก็จำเป็นต้องมีเหมือนกัน โดยมันจะส่องสว่างในเวลากลางคืน ไฟฉุกเฉินในห้องน้ำคนพิการก็ควรจะต้องมีอย่างน้อยหนึ่งดวงใหญ่ๆ

ระบบสำรองแบตเตอรี่ในช่วงแรกนั้นมีขนาดใหญ่มากทำให้ขนาดของไฟส่องสว่างน้อยลงซึ่งพวกเขาให้พลังงาน ระบบปกติใช้แบตเตอรี่กรดตะกั่วเพื่อเก็บประจุ 120 โวลต์เต็ม

เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาต่อไปความต้องการแรงดันไฟฟ้าสำหรับไฟลดลงและขนาดของแบตเตอรี่ก็ลดลงเช่นกัน ไฟที่ทันสมัยมีขนาดใหญ่พอ ๆ กับหลอดไฟ – แบตเตอรี่มีขนาดพอดีกับฐานของโคม

บริษัทที่ซื้อไฟฉุกเฉินมาติดก็ลงทุนไม่มากนัก และมันจะเกิดความง่ายต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้วย เมื่อเกิดเหตุการณ์อาชญากรรมหรือการโจรกรรมต่างๆ ก็จะเห็นคนร้ายได้อย่างชัดเจนที่สุด

และไฟฉุกเฉินก็มีรหัสโค้ด ทำให้เมื่อมีการเรียกจะรู้ว่ารหัสของไฟฉุกเฉินนี้หมายถึงอุปกรณ์ที่มีขนาดเท่าไหร่ และราคาเท่าไหร่ นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด ซึ่งถือว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้มีความต้องการในแง่ของสถานที่ใหญ่ หรือสถานที่สาธารณะที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก เช่นหอพัก,โรงภาพยนตร์ เป็นต้น

ข้อดีและข้อเสียของแอร์ประเภทแบบตู้ตั้งพื้น

เนื่องจากแอร์ประเภทแบบตู้ตั้งพื้น ดูเหมือนจะเป็นเครื่องปรับอากาศ ที่หลากหลายคนอาจจะยังไม่เคยได้พบเห็น หรืออาจจะพบเห็นได้น้อยกกว่าแอร์ประเภทอื่น ๆ เสียด้วยซ้ำไป เพราะแอร์ประเภทนี้มักจะไม่ค่อยได้รับความนิยมเสียเท่าไหร่นัก เพราะเนื่องจากมีลักษณะเหมือนกับตู้ และมีขนาดและระดับความสูงที่ไม่เกินไปกว่าระดับ 2 เมตร ส่งผลทำให้มีกำลังแรงลมที่ดูแรงพอสมควร

air
เพราะฉะนั้น เครื่องปรับอากาศหรือแอร์แบบตู้ตั้งพื้น จะมีความเหมาะสมสำหรับพื้นที่ที่มีคนเข้าและออกบ่อยครั้ง เพราะระดับแรงลมที่สามารถกระจายตัวได้อย่างวงกว้าง จะสามารถรักษาระดับความเย็นภายในพื้นที่เอาไว้ได้ ต่อให้มีคนเปิดประตูเข้าออกมากน้อยขนาดไหน แต่ระดับความเย็นภายในก็ยังคงมีอยู่อย่างน่าพึงพอใจ เพราะฉะนั้น ข้อดีของแอร์แบบตู้ตั้งพื้น จึงเป็นในเรื่องของ ประสิทธิภาพและคุณภาพของแอร์ ที่ดูดีและมีมาตรฐานเป็นอย่างมาก สามารถรักษาระดับความเย็น การกระจายความเย็น และความแรงของกำลังลมได้อย่างเต็มเหนี่ยว อีกทั้งยังคงเป็นเครื่องปรับอากาศประเภทหนึ่ง ที่สามารถติดตั้งได้อย่างง่าย ๆ ไม่ต้องทำการยึดติดกับพื้นให้ยุ่งยาก และสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายอีกด้วย ทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว และมีลมแรงพอตัว เพราะเนื่องจากมีใบพัดที่ใหญ่มากพอสมควร
และในส่วนของข้อเสีย ของแอร์ประเภทแบบตู้ตั้งพื้นนั้น นับได้ว่ามีน้อยมาก และมีแค่ในเรื่องของ ลักษณะของแอร์ประเภทนี้ จะทำให้ดูเปลืองพื้นที่ในการใช้สอย เพราะเนื่องจากแอร์ค่อนข้างที่จะมีลักษณะใหญ่ และมีเสียงดังในขณะที่ใช้งานนั่นเอง